ชาวบ้านตำบลหัวทะเล กังวลเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่นระบบการส่งส่งถ่านหิน การใช้น้ำจำนวนมากในการล้างถ่านหิน การหล่อเย็น และรวมถึงการมีน้ำจากโรงไฟฟ้าหลุดออกมาปนเปื้อนแหล่งน้ำธรรมชาติ ปัจจุบันชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่มัน ไร่พริก ไร่อ้อย ปลูกข้าว และพืชส่วนต่างๆ ถ้าโรงงานเหมืองแร่และโรงไฟฟ้าถ่านหินมีการนำน้ำจากแหล่งธรรมชาติไปใช้จำนวนมากจะเกิดอะไรขึ้น ชาวบ้านแห้งแล้ง พืชสวนไร่นาเสียหายใช่หรือไม่...สอดคล้องกับรายงานข่าวของ พรรณทิพา จิตราวุฒิพร นักข่าวคมชัดลึก ว่าชาวกระบี่มีความกังวลเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ และสอดคล้องกับความเห็นจาก นพ.ปรีชา เปรมปรี ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่กล่าวว่า ระหว่างการขนถ่ายถ่านหินจะเกิดฝุ่นละออง รวมถึงกระบวนการเผาไหม้ถ่านหินก็จะทำให้เกิดน้ำหรือไอน้ำซึ่งมีสารพิษตกค้าง หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อาจหลุดลอดลงสู่แหล่งน้ำซึ่งจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอาจป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากฝุ่นถ่านหิน โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ ระบบหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เพราะถ่านหินมีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายเมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์คือ คาร์บอน กำมะถัน โลหะหนักบางชนิด
"หากสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นจริง จะเกิดผลกระทบตามมาแน่นอนจากสาเหตุหลัก 3 กระบวนการ คือ กระบวนการขนส่ง กระบวนการแปรสภาพ และกระบวนการแปรสภาพเป็นความร้อน ซึ่งในขั้นตอนการขนส่งกับการแปรสภาพนั้นจะทำให้ถ่านหินฟุ้งกระจายไปตามอากาศ เกิดเป็นฝุ่นละอองเล็กๆ ปลิวไปตกตามบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ ทำให้เกิดเป็นคราบถ่านหิน นอกจากนี้ยังมีกระบวนการแปรสภาพเป็นความร้อนซึ่งในขั้นนี้จะต้องมีการเผาไหม้ที่จะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ อันประกอบไปด้วย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ รวมถึงสารเคมีต่างๆ" ผอ.สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กล่าว
ขอขอบคุณข่าวจาก คมชัดลึก ต้นฉบับคลิก
ที่สำคัญ ชาวบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ อยากให้โรงงานเหมืองแร่หันไปใช้พลังงานหมุนเวียนแทน เช่น ไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ไฟฟ้าพลังลม...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น